Apple เปิดตัว MacBook Pro ใหม่สองรุ่น นำสิ่งดีๆ ที่หายไปกลับมาครบถ้วน

By จุ่มใจ พิมพ์ทอง

Apple ปรับโฉม MacBook Pro ครั้งที่แล้วเมื่อ 5 ปีก่อนด้วยการเพิ่ม Touch Bar เข้ามา ถอดพอร์ตต่างๆ ออกไปหมด และเปลี่ยนคีย์บอร์ดไปใช้แบบ Butterfly ที่ก่อให้เกิดปัญหานับไม่ถ้วน

หลังจากหลงทางอยู่ในการออกแบบที่ใช้งานยาก (จนถูกแซวมาหลายปีว่าต้องเสียบปลั๊กพ่วงพอร์ตเพื่อเสียบชาร์จไฟ ต่อจอ และอุปกรณ์เสริม เนื่องจากพอร์ต USB Type C พอร์ตเดียวไม่เพียงพอ) วันนี้ Apple คืน MacBook Pro ที่โปรจริงๆ สมความคาดหวังของผู้ใช้งานกลับมาแล้ว

MacBook Pro ที่เปิดตัววันนี้มีสองขนาดหน้าจอด้วยกัน ได้แก่ 14.2 นิ้ว (3,024 x 1,964 พิกเซล) และ 16.2 นิ้ว (3,456 x 2,234 พิกเซล) ทั้งคู่ใช้หน้าจอสุดล้ำอย่าง MiniLED รองรับ ProMotion สามารถทำรีเฟรชเรท 120Hz ได้ ข่าวร้ายสำหรับสาวกแอปเปิลคือติ่งหน้าจอยังไม่ตายจากไปไหน แถมกลับมาปรากฏตัวบนเครื่อง MacBook Pro รอบนี้อีกต่างหาก โดย Appleออกแบบให้กลืนไปกับ Menu bar ด้านบน และให้คำแนะนำว่าเปลี่ยนไปใช้ Night Mode ก็จะกลืนกันไปจนมองไม่เห็นแล้ว

ตัวกล้องตรงติ่งหน้าจอถูกอัพเกรดให้กลายเป็น Full HD สเปคนั้นโฆษณาว่ามีรูรับแสง f/2.0 เลนส์สี่ชั้น สำหรับรุ่น 16 นิ้วเครื่องจะมีลำโพงหกตัว และทวีตเตอร์ที่ใหญ่กว่าเดิมสองเท่า ส่วนคีย์บอร์ดนั้นกลับมาใช้ Scissor Switch ที่ไม่เคยเกิดปัญหาคีย์บอร์ดพัง เรียกได้ว่าปัญหาที่ทำให้คนหลีกเลี่ยง MacBook Pro ในรอบห้าปีถูกถอดออกไปจนหมดสิ้น

ชิปประมวลผลนั้นมีตัวเลือกสองอย่างด้วยกัน ได้แก่ M1 Pro และ M1 Max ( ข่าวเปิดตัวชิปประมวลผล ) โดยทั้งคู่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากกว่า Apple M1 ที่เปิดตัวปีที่แล้วอย่างก้าวกระโดด ซีพียูจะแรงกว่า M1 ราวๆ 1.7 เท่า ส่วนจีพียูนั้น M1 Pro จะแรงกว่า 2 เท่า และ M1 Max จะแรงกว่า 4 เท่า ข่าวร้ายคือ M1 Max จะวางจำหน่ายร่วมกับ RAM 32GB และ SSD 1TB เท่านั้น ทำให้ราคาพุ่งกระฉูดสูงอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

MacBook Pro รุ่นใหม่นี้จะยังคงมีพอร์ต USB-C อยู่ แต่เพิ่มเป็น 3 พอร์ต (และเป็น Thunderbolt 4 ด้วย) นอกจากนี้ยังนำพอร์ต HDMI และ SD Card reader กลับมาอีกครั้ง ทำให้ช่วยลดงานที่ต้องใช้หัวแปลงไปได้เยอะเลยทีเดียว

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ Apple นำ MagSafe กลับมาแล้ว (แม้จะมีการนำชื่อนี้ไปใช้กับหัวชาร์จไฟไร้สายของ iPhone แล้วก็ตาม) โดย MagSafe นี้จะแตกต่างจากของเดิม ไม่สามารถใช้งานร่วมกับหัวเก่าได้ แต่ถ้าไม่สะดวกก็สามารถชาร์จไฟผ่าน USB-C ได้เช่นกัน สำหรับอายุแบตเตอรีนั้นรุ่น 14 นิ้วจะใช้งานได้ต่อเนื่อง 17 ชั่วโมง ส่วน 16 นิ้วจะเพิ่มขึ้นเป็น 21 ชั่วโมงด้วยกัน การชาร์จไฟผ่าน MagSafe จะเป็น Fast Charging ที่ชาร์จไฟได้ 50% ภายใน 30 นาที

แน่นอนครับสเปคโหดขนาดนี้ Apple ก็จัดหนักกับราคาเช่นกัน สำหรับรุ่น 14 นิ้ว รุ่นสเปคต่ำสุดจะเริ่มต้นที่ $1,999 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรุ่น 16 นิ้วจะเริ่มต้นที่ $2,499 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนคนที่งบน้อย Apple ยังวางจำหน่าย MacBook Pro M1 อยู่ด้วย

สำหรับราคาและการจัดสเปคมีดังนี้

MacBook Pro 14″

MacBook Pro 16″

ที่มา – Engadget